โรคบิดอะมีบา
โรคบิดอะมีบา
บิดชนิดนี้เกิดจากโพรโทซัวชื่อ
Entamoeba
histolytica
พบได้ทั่วโลก
ในอดีตเป็นโรคที่สำคัญใ
ประเทศไทย แต่ปัจจุบันไม่มีการระบาดแล้ว
แต่เชื้อก็ยังไม่ได้หมดไปหากการสาธารณสุขไม่ดี ย่อมมีการ
ระบาดย้อนกลับ
สาเหตุ
เกิดจากการได้รับเชื้อบิดในรูปของซิสต์
จากการดื่มน้ำ และรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อน เช่น จากแมลงวันตอม
จากดินที่ปนเปื้อนมือ จากน้ำดื่มที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อเป็นต้น
รูปร่างลักษณะ
โทรโฟซอยต์
มีรูปร่างไม่แน่นอน
เคลื่อนที่โดยใช้ตีนเทียมที่มีลักษณะค่อนข้างใส ยืดหดได้เร็ว
โทรโฟซอยต์จะเห็นนิวเคลียสชัดเจนดี
หากตรวจตัวอย่างสดที่เก็บจากอุจจาระผู้ป่วย จะเห็นเม็ดเลือด
แดงในไซโทพลาซึมค่อนข้างมาก
ซิสต์
มีรูปร่างกลม หากเป็นซิสต์ที่สร้างใหม่ๆจะเห็นแท่งโครมาตอยด์ (RNA)
และก้อนไกลโคเจน
แวคิวโอล
(แป้ง) อยู่ด้วย อาจพบนิวเคลียส 2 หรือ 4
นิวเคลียส
แต่หากเป็นซิสต์เก่าจะไม่พบแท่งโครมา
ตอยด์ และเห็นนิวเคลียสจำนวน 4
โทรโฟซอยต์ของ
E.
histolytica
โทรโฟซอยต์ของ
E.
histolytica
ตัวอย่างสดเห็นเท้าเทียมชัด |
โทรโฟซอยต์และซิสต์ของ
E.histolytica
ภายในโทรโฟซอยต์มีเม็ดเลือดแดง
|
วัฏจักรชีวิต Entamoeba histolytica
อาการ
1. ชนิดเฉียบพลัน ระยะพักตัวประมาณ 8-10
วันเริ่มจากปวดท้อง
ถ่ายอุจจาระเหลว มีมูกเลือดปน
ออกมาเล็กน้อย กลิ่นเหม็นมาก ตรวจอุจจาระสดจะพบโทรโฟซอยต์
2.
ชนิดเรื้อรัง
เกิดจากการรักษาไม่ถูกต้อง
เช่นแผลยังหายไม่หมดกลับมาเป็นใหม่ เป็นๆหายๆหลาย
สัปดาห์หรือเป็นปี
หากตรวจอุจจาระสดจะพบทั้งระยะโทรโฟซอยต์และซิสต์
3.
บิดไม่มีอาการ
มีอาการเพียงท้องอืด ท้องเฟ้อเจ็บใต้ชายโครงขวา ตรวจอุจจาระจะพบเฉพาะ
ระยะซิสต์
อาการโรคบิดที่มีภาวะรุนแรงขึ้น
บิดอะมีบาที่มีภาวะแทรกซ้อน
1. อะมีบิกแกรนูโลมาหรืออะมีโบมา
(Amoebic
granuloma
or
Amoeboma) มักพบเป็นก้อนที่
ซีกัมและเรกตัม
เนื่องจากมีการอักเสบเรื้อรัง ตรวจอุจจาระพบระยะโทรโฟซอยต์
2. ลำไส้ทะลุเนื่องจากแผลลุกลามลึกจนลำไส้ทะลุ
3. เลือดออกเนื่องจากแผลกินลึกถึงหลอดเลือดใหญ่
เลือดจะออกมามาก
4. ไส้ติ่งอักเสบ
พยาธิสภาพของลำไส้ใหญ่
โรคบิดอะมีบานอกลำไส้
สาเหตุเกิดจากปล่อยให้เป็นบิดเรื้อรัง
ไม่รักษาให้หายขาดทำให้เชื้อบิดแพร่กระจายจาก
ลำไส้ใหญ่ผ่านเข้าไปสู่ตับโดยตรงทำให้เกิดฝีบิดที่ตับ
บางครั้งจะพบว่าเชื้อบิดผ่านเข้าทางหลอดเลือด
mesenteric
vein
ซึ่งเป็นหลอดเลือดระบบ portal นำเลือดจากลำไส้เข้าสู่ตับ
และแพร่ผ่านไปสู่อวัยวะอื่นเช่น ปอด กระบังลม สมอง หรืออวัยวะอื่นต่อไป บางครั้งจะพบผ่านไปทางระบบน้ำเหลือง
การป้องกัน
1.
อาหารจะต้องสะอาด ไม่มีแมลงวันตอมเพราะแมลงวันอาจเป็นพาหะนำเอาซิสต์ในระยะติดต่อมาสู่มนุษย์ได้
2. ผักสด
ผลไม้ล้างให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน อาจมีการปนเปื้อนของซิสต์ได้เช่นเดียวกัน
3. รักษาผู้ป่วยเรื้อรังหรือบิดไม่มีอาการให้หายขาดเพื่อจะได้ไม่เป็นตัวให้อาศัยสะสมหรือรังเก็บเชื้อ
การรักษา
ยาในกลุ่มไนโตรมิดาโซล
(Nitromidazole)
ใช้ได้ผลดี มีหลายชนิดเช่น
เมโทรนิดาโซล
ไทนิดาโซล อิมิทีนไฮโดรคลอไรด์ แต่นิยมใช้ในประเทศไทยคือ เมโทรนิดาโซล ใช้ 500-800
มิลลิกรัม
กิน 3
เวลา
5
วัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น